หูดหงอนไก่ และ วิธีรักษา
หูดหงอนไก่ HPV หรือในชื่อเต็มว่า Human Papilloma Virus เป็น
ไวรัสที่ก่อให้เกิดหูดชนิดต่างๆ มีมากกว่า 180 สายพันธุ์
แต่ละสายพันธุ์ก็ก่อโรคหูดแตกต่างกันไป
ที่สำคัญมีหลายสายพันธุ์ที่ก่อให้เกิดมะเร็ง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง
สายพันธุ์ที่ก่อให้เกิดหูดบริเวณอวัยวะเพศ
หูดหงอนไก่ เป็นหูดที่เรารู้จักกันดีมานาน แต่เดิมเราก็ไม่ได้เฉลียวใจถึงความร้ายกาจของมัน เป็นมาก็รักษากันไป แต่ในตอนหลังเราพบว่า หูดเหล่านี้นอกจากจะเกิดจาเชื่อ HPV สายพันธุ์ เบอร์ 6 และเบอร์ 11 แล้วก็มีหลายรายที่เกิดจากสายพันธุ์ 16 และ เบอร์ 18 ซึ่งเป็นสายพันธุ์ดุมีโอกาสทำให้ กลายเป็นมะเร็วได้ หูดหงอนไก่จึงไม่ใช่หูดธรรมดาๆ อย่างที่เราเคยรู้จักกันซะแล้ว
การติดเชื้อ HPV มีมากแค่ไหน มีการประมาณการกันว่า ประชากรของไทยเรา ประมาณ 20-40 % ติดเชื้อ HPV แต่ส่วนใหญ่การติดเชื่อนั้นไม่แสดงอาการ ส่วนที่มีอาการไม่ว่าสายพันธุ์ธรรมดา หรือสายพันธุ์ดุ ก็มีโอกาสหายเองได้เหมือนกัน โดยที่คนอายุน้อยมีโอกาสหายได้เองมากกว่าคนอายุมาก
หูดของอวัยวะสืบพันธุ์ มีอาการแสดงออกหลายแบบ แบ่งเป็นกลุ่มใหญ่ๆได้ 4 กลุ่มดังนี้
1. หูดหงอนไก่ ( condyloma accuminata) เป็นหูดที่เรารู้จักกันดี โดยเฉพาะนักเที่ยวทั้งหลายทราบซึ้งกันเป็นอย่างดี มีลักษณะเป็นดอกกะหล่ำ หรือแบบหงอนที่หัวไก่ชน
2. หูดผิวเรียบ (smooth papular warts) มีสีเนื้อ ผิวเรียบขนาด 1 – 4 มิลลิเมตร มักพบบริเวณเยื่อบุต่างๆ แต่ที่ผิวหนังก็อาจพบได้ ที่พบบ่อยๆ ก็ตรงโคนอวัยวะ ที่ถุงยางอนามัยคลุมไม่ถึง
3. หูดผิวหนัง (keratotic genital warts) ลักษณะก็เหมือนหูดตามผิวหนังทั่วไป บางรายอาจพบหูดนี้ ตามร่างกายก่อนที่จะเป็นที่อวัยวะเพศด้วยซ้ำไป
4. หูดแบน (flat warts) อาจเป็นหลายจุดใกล้ๆกันแล้วรวมตัวเป็นปื้นใหญ่ มักพบตามเยื่อบุต่างๆ หรือตามผิวหนังก็อาจพบได้
นอกจากนี้ยังมีชนิดย่อยๆ ที่พบได้เช่น
หูดยักษ์ ( Giant Condyloma Accumunata หรือ Buschke-Lowenstein tumor)
เกิดจาก HPV สายพันธุ์ไม่ดุ (6, 11) แต่ดูน่ากลัวเพราะมีขนาดใหญ่
หูดในท่อปัสสาวะ ( Urethral Meatus Warts) เป็นหูดที่ มีปัญหาในการรักษามากที่สุด เพราะมักจะไม่หายขาด หายแล้วกลับมาเป็นอีก เพราะนอกจากจะเกิดบริเวณปลายท่อปัสสาวะ ให้เจ้าของเห็นแล้ว ก็อาจยังมีในท่อปัสสาวะที่ไม่สามารถมองเห็นได้ด้วย
หูดในทวารหนัก (Intra-Anal Warts) หูดพวกนี้พบมากในพวก เกย์ พบว่าเยื่อบุในทวารหนักมีลักษณะคล้ายกับบริเวณปากมดลูกจึงมีโอกาสเกิด มะเร็งได้ เช่นเดียวกับปากมดลูก เมื่อปีที่แล้วมีรายงานใน New England Journal of Medicine ว่าพบมะเร็งที่เกิดจากการมีเพศสัมพันธ์ในทวารหนักด้วย ซึ่งแน่นอนว่ามะเร็งนั้นกลายพันธุ์ มาจากหูดที่เกิดจากเชื้อ HPV
อวัยวะเพศอักเสบจากหูด (Papillomavirus-associat balanoprosthitis) อัน นี้พบค่อนข้างบ่อย จะเกิดรอยแผลแตกเป็นร่องๆ โดนน้ำหรือโดนของเหลว ในช่องคลอดจะแสบ เวลาแข็งตัวหรือเวลาร่วมเพศจะเจ็บ รักษาไม่ค่อยจะหายขาด เป็นๆหายๆ
มะเร็งปากมดลูก เดิมที่เราเคยโทษว่าเกิดจากเริมนั้น เดี๋ยวนี้พิสูจน์แล้วว่าเกิดจากเชื้อ HPV นี่แหละ ดังนั้นถ้าท่านเป็นหูดหงอนไก่ตรงอวัยวะเพศ ก็คงต้องตรวจป้องกันมะเร็งปากมดลูก (Pap smear) บ่อยหน่อย ตรวจปีละครั้งอาจไม่พอซะแล้ว หรือถ้าตรวจ Pap smear แล้วพบว่ามีเชื้อ HPV อยู่ละก้อ หมอก็ต้องตรวจอย่างอื่น เพิ่มเติมด้วย
หญิงมีครรภ์ ถ้าเป็นหูดหงอนไก่อยู่ด้วย หูดจะขยายตัวอย่างเร็วมาก เพราะมีเลือดมาเลี้ยงมาก ในช่วงตั้งครรภ์ ต้องรีบรักษาแต่เนิ่นๆ ไม่อย่างนั้นอาจเป็นอุปสรรคต่อการคลอดได้ ซึ่งถ้าพบตอนคลอด หมอก็จะผ่าให้คลอดทางหน้าท้องแทนการคลอดตามธรรมชาติ
ระยะฟักตัว หลังรับเชื้อมาแล้ว บางราย แค่สัปดาห์ก็แสดงอาการ บางรายเป็นเดือนๆค่อยแสดงอาการ แต่หลายๆราย ก็ไม่แสดงอากรเลยก็มี
การป้องกัน ไม่มีวิธีอื่นใดที่จะป้องกันได้นอกจากใช้ ถุงยางอนามัยกับหญิงอื่นที่มิใช่ภรรยา หรือ ในชายรักร่วมเพศก็ต้องใช้ถุงยางอนามัยทุกครั้งเท่านั้น
การรักษา
หูดหงอนไก่ เป็นหูดที่เรารู้จักกันดีมานาน แต่เดิมเราก็ไม่ได้เฉลียวใจถึงความร้ายกาจของมัน เป็นมาก็รักษากันไป แต่ในตอนหลังเราพบว่า หูดเหล่านี้นอกจากจะเกิดจาเชื่อ HPV สายพันธุ์ เบอร์ 6 และเบอร์ 11 แล้วก็มีหลายรายที่เกิดจากสายพันธุ์ 16 และ เบอร์ 18 ซึ่งเป็นสายพันธุ์ดุมีโอกาสทำให้ กลายเป็นมะเร็วได้ หูดหงอนไก่จึงไม่ใช่หูดธรรมดาๆ อย่างที่เราเคยรู้จักกันซะแล้ว
การติดเชื้อ HPV มีมากแค่ไหน มีการประมาณการกันว่า ประชากรของไทยเรา ประมาณ 20-40 % ติดเชื้อ HPV แต่ส่วนใหญ่การติดเชื่อนั้นไม่แสดงอาการ ส่วนที่มีอาการไม่ว่าสายพันธุ์ธรรมดา หรือสายพันธุ์ดุ ก็มีโอกาสหายเองได้เหมือนกัน โดยที่คนอายุน้อยมีโอกาสหายได้เองมากกว่าคนอายุมาก
หูดของอวัยวะสืบพันธุ์ มีอาการแสดงออกหลายแบบ แบ่งเป็นกลุ่มใหญ่ๆได้ 4 กลุ่มดังนี้
1. หูดหงอนไก่ ( condyloma accuminata) เป็นหูดที่เรารู้จักกันดี โดยเฉพาะนักเที่ยวทั้งหลายทราบซึ้งกันเป็นอย่างดี มีลักษณะเป็นดอกกะหล่ำ หรือแบบหงอนที่หัวไก่ชน
2. หูดผิวเรียบ (smooth papular warts) มีสีเนื้อ ผิวเรียบขนาด 1 – 4 มิลลิเมตร มักพบบริเวณเยื่อบุต่างๆ แต่ที่ผิวหนังก็อาจพบได้ ที่พบบ่อยๆ ก็ตรงโคนอวัยวะ ที่ถุงยางอนามัยคลุมไม่ถึง
3. หูดผิวหนัง (keratotic genital warts) ลักษณะก็เหมือนหูดตามผิวหนังทั่วไป บางรายอาจพบหูดนี้ ตามร่างกายก่อนที่จะเป็นที่อวัยวะเพศด้วยซ้ำไป
4. หูดแบน (flat warts) อาจเป็นหลายจุดใกล้ๆกันแล้วรวมตัวเป็นปื้นใหญ่ มักพบตามเยื่อบุต่างๆ หรือตามผิวหนังก็อาจพบได้
นอกจากนี้ยังมีชนิดย่อยๆ ที่พบได้เช่น
หูดยักษ์ ( Giant Condyloma Accumunata หรือ Buschke-Lowenstein tumor)
เกิดจาก HPV สายพันธุ์ไม่ดุ (6, 11) แต่ดูน่ากลัวเพราะมีขนาดใหญ่
หูดในท่อปัสสาวะ ( Urethral Meatus Warts) เป็นหูดที่ มีปัญหาในการรักษามากที่สุด เพราะมักจะไม่หายขาด หายแล้วกลับมาเป็นอีก เพราะนอกจากจะเกิดบริเวณปลายท่อปัสสาวะ ให้เจ้าของเห็นแล้ว ก็อาจยังมีในท่อปัสสาวะที่ไม่สามารถมองเห็นได้ด้วย
หูดในทวารหนัก (Intra-Anal Warts) หูดพวกนี้พบมากในพวก เกย์ พบว่าเยื่อบุในทวารหนักมีลักษณะคล้ายกับบริเวณปากมดลูกจึงมีโอกาสเกิด มะเร็งได้ เช่นเดียวกับปากมดลูก เมื่อปีที่แล้วมีรายงานใน New England Journal of Medicine ว่าพบมะเร็งที่เกิดจากการมีเพศสัมพันธ์ในทวารหนักด้วย ซึ่งแน่นอนว่ามะเร็งนั้นกลายพันธุ์ มาจากหูดที่เกิดจากเชื้อ HPV
อวัยวะเพศอักเสบจากหูด (Papillomavirus-associat balanoprosthitis) อัน นี้พบค่อนข้างบ่อย จะเกิดรอยแผลแตกเป็นร่องๆ โดนน้ำหรือโดนของเหลว ในช่องคลอดจะแสบ เวลาแข็งตัวหรือเวลาร่วมเพศจะเจ็บ รักษาไม่ค่อยจะหายขาด เป็นๆหายๆ
มะเร็งปากมดลูก เดิมที่เราเคยโทษว่าเกิดจากเริมนั้น เดี๋ยวนี้พิสูจน์แล้วว่าเกิดจากเชื้อ HPV นี่แหละ ดังนั้นถ้าท่านเป็นหูดหงอนไก่ตรงอวัยวะเพศ ก็คงต้องตรวจป้องกันมะเร็งปากมดลูก (Pap smear) บ่อยหน่อย ตรวจปีละครั้งอาจไม่พอซะแล้ว หรือถ้าตรวจ Pap smear แล้วพบว่ามีเชื้อ HPV อยู่ละก้อ หมอก็ต้องตรวจอย่างอื่น เพิ่มเติมด้วย
หญิงมีครรภ์ ถ้าเป็นหูดหงอนไก่อยู่ด้วย หูดจะขยายตัวอย่างเร็วมาก เพราะมีเลือดมาเลี้ยงมาก ในช่วงตั้งครรภ์ ต้องรีบรักษาแต่เนิ่นๆ ไม่อย่างนั้นอาจเป็นอุปสรรคต่อการคลอดได้ ซึ่งถ้าพบตอนคลอด หมอก็จะผ่าให้คลอดทางหน้าท้องแทนการคลอดตามธรรมชาติ
ระยะฟักตัว หลังรับเชื้อมาแล้ว บางราย แค่สัปดาห์ก็แสดงอาการ บางรายเป็นเดือนๆค่อยแสดงอาการ แต่หลายๆราย ก็ไม่แสดงอากรเลยก็มี
การป้องกัน ไม่มีวิธีอื่นใดที่จะป้องกันได้นอกจากใช้ ถุงยางอนามัยกับหญิงอื่นที่มิใช่ภรรยา หรือ ในชายรักร่วมเพศก็ต้องใช้ถุงยางอนามัยทุกครั้งเท่านั้น
การรักษา
การรักษามีหลายแบบ ทั้งทายา จี้เย็น
จี้ด้วยไฟฟ้า เลเซอร์หรือแม้แต่การตัดออก แต่โดยปกติหมอจะเริ่มด้วยการทายา
ยาที่ทาตัวแรกเริ่มชื่อ podophylins 25 % ใช้มานมนานก็ยังคงได้ผลอยู่
การทาต้องให้แพทย์เป็นผู้ทาให้ โดยเฉพาะคนไข้หญิงมีซอกมีหลืบ
บางครั้งเป็นที่ผนังช่องคลอดหรือปากมดลูก คนไข้ทาเองไม่ได้
ผมเคยให้ยาคนไข้ชายไปทาเอง กลับมาอีกครั้งเน่าเลยครับ ปกติการทานั้น 4-6
ชั่วโมงต้องล้างออก และทาสัปดาห์ละครั้ง แต่พี่ท่านใจร้อนทาทุกวัน
กลับมาอีกทีเน่าเพราะโดนยากัด ถ้าเชื้อดื้อต่อยาตัวนี้
ก็มียาตัวอื่นๆเป็นทางเลือก ปัจจุบันมียาทาตัวใหม่ ชื่อ imiquimod
(ชื่อการค้า Aldara )ใช้รักษาหูดได้ผล การกลับเป็นซ้ำน้อย
แต่ราคายังแพงอยู่ ค่าใช้จ่ายครั้งละ 3,000-6,000 บาท
ที่มา :
http://www.si.mahidol.ac.th
http://www.inderm.go.th
http://www.haamor.com